5 วิธีสังเกตอาการภาวะ burnout จากการทำงาน

ภาวะ burnout จากการทำงาน สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าคุณจะรักในงานของคุณ หรือทำเพราะมันเป็นอาชีพที่เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง​ก็ตาม

by Ungkana Kerttongmee

ไม่ว่าใครก็คงจะเคยเผชิญกับความเครียดจากการทำงานด้วยกันทั้งนั้น และบางรายอาจเคยเผชิญกับภาวะ burnout นั่นก็เพราะภาวะความเหนื่อยล้าจากการทำงานนั่นเอง ภาวะ burnout จากการทำงาน สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าคุณจะรักในงานของคุณ หรือทำเพราะมันเป็นอาชีพที่เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง​ก็ตาม

ในทางจิตวิทยา burnout คือ ภาวะที่ทั้งร่างกายและจิตใจเรารู้สึกอ่อนล้าจากการทำงาน    เนื่องจาก การทำงานหนักจนเกินไป หรือการมีความเครียดสะสม อันเนื่องมาจาก การทำงานที่เราไม่สามารถควบคุมจัดการได้ หรือการที่ต้องทำงานที่ขัดกับความเป็นตัวตนของเราเอง เป็นต้น 

หากบุคคลนั้นๆไม่สามารถพักผ่อน หรือหยุดจากการทำงานนั้นๆได้บ้าง ก็จะส่งผลต่อ สุขภาพจิต และสุขภาพร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น อาการปวดศีรษะ อ่อนล้า อาการเสียดท้อง หรือ อาการต่างๆ เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร และส่งผลต่อความเสี่ยงในการติดสุรา ยาเสพติด หรือลักษณะนิสัยในการรับประทานอาหารอีกด้วย 

ความเครียดในการทำงาน เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ซึ่งแตกต่างกับอาการ burnout สามารถสังเกตได้จาก อาการ 5 ข้อ ดังต่อไปนี้ 

1. คุณรู้สึกว่าการจัดการความเครียดเกี่ยวกับเรื่องงานเป็นเรื่องยาก 

แม้ว่า world health organization จะประกาศว่า burnout มีความรุนแรงกว่าความเครียด ซึ่งความแตกต่างระหว่าง ความเครียด และ burnout นั้น ถ้าเป็นความเครียดเราจะสามารถจัดการ

หรือบรรเทาความเครียดได้ ในขณะที่ burnout เกิดจากการที่เราไม่สามารถจัดการความเครียดได้ และสะสมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน 

2. คุณรู้สึกเหนื่อยล้า หมดเรื่ยวแรงจากการทำงาน 

หากคุณกำลังเผชิญกับภาวะ burnout คุณจะรู้สึกหมดเรี่ยวแรงจากการทำงาน ตัวอย่างเช่น คุณรู้สึกเหนื่อยมากกว่าที่เคย กับการทำงานในแบบเดียวกัน และระยะเวลาที่เท่ากัน

3. คุณไม่รู้สึกสนุก หรือ มีความสุขกับการทำงาน 

ในชีวิตจริง ความเครียด หรือ ปัญหาในการทำงาน สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่คนทำงานทุกคนจะต้องพบเจอ แต่อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกสนุกในการทำงาน หรือ ความรู้สึกได้ทำอะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์กับใครสักคน เป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถตื่นขึ้นมามีพลังในการทำงานนั้นๆแต่หากเรากำลังเผชิญกับภาวะ burnout คุณจะไม่รู้สึกสนุก หรือ เห็นคุณค่าของงานที่คุณทำได้เลย

4. คุณรู้สึกในด้านลบกับงานของคุณ 

หากคุณกำลังเผชิญกับ ภาวะ burnout เมื่อใดก็ตามที่คิดถึงงานของคุณที่กำลังทำอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ความรู้สึกในแง่ลบ คุณจะรู้สึกว่า มันยากมากที่จะคิดถึงสิ่งดีๆ ที่เกี่ยวกับงานของคุณ 

5. คุณรู้สึกแย่กับตัวเอง และสมรรถภาพในการทำงาน 

เมื่อความเครียดจากการทำงานสะสมจนเกิดเป็นภาวะ burnout คุณจะเริ่มตั้งคำถามกับความสามารถของตัวเอง (decrease in your self-efficacy) แม้แต่สิ่งที่คุณเคยทำได้ดีในอดีต ซึ่งการที่เรารู้สึกแบบนี้ จะส่งผลให้แรงจูงใจในการทำงานลดลง ทำงานได้แย่ลง และลดลงนั่นเอง 

หากคุณสำรวจตัวของคุณเองแล้ว รู้สึกว่าคุณกำลังเผชิญกับภาวะ burnout อยู่ สามารถที่จะลดอาการ burnout ที่เกิดขึ้นได้ โดยการกลับมาวิเคราะห์การทำงานของเราใหม่อีกครั้ง การที่จะลดภาวะ burnout ได้ เราจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนของการทำงาน เช่น การที่เราทำงานนี้ สร้างประโยชน์ให้กับใครบ้าง ยิ่งถ้างานที่เราทำ ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเรามีประโยชน์อย่างมากกับคนอื่น เราก็จะรู้สึกดีกับงานที่ทำอยู่มากขึ้นเท่านั้น และส่งผลให้เราอยากทำงานมากขึ้น และอยากทำงานให้ดีขึ้น  

การที่จะปฏิเสธงานที่ไม่สำคัญเป็นเรื่องยาก ที่สำคัญเราควรจะต้องเรียนรู้ที่จะทำงานที่สำคัญกับเรา  สิ่งที่เราถนัด และเป็นประโยชน์กับคนอื่น เรียนรู้ที่จะจัดลำดับความสำคัญของงานต่างๆ สื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ หรือแม้แต่เรียนรู้ที่จะสอนงาน และมอบหมายงานให้ทีมงานได้ทำก็เป็นทักษะที่เราควรที่จะต้องเรียนรู้   เพื่อทำงานของเราให้ดีขึ้นและลดภาวะ burnout ที่จะเกิดขึ้นได้  

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เราเรียนรู้ที่จะรู้เท่าทันอาการ burnout เพื่อสำรวจตัวเอง และจัดการปัญหาด้วยตัวเอง เพื่อลดอาการ burnout แต่หากอาการไม่ดีขึ้น การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยาก็เป็นทางเลือกที่ดี >> นัดหมายเพื่อปรึกษานักจิตวิทยา

0 0 votes
Article Rating

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments