สถานที่ทำงานส่งผลต่อการทำงานของคุณมากกว่าที่คิด มาดู 5 ปัจจัยรอบตัวที่คุณควรให้ความสำคัญ

ปัจจัยสิ่งแวดล้อมในการทำงาน สิ่งแวดล้อมในการทำงานสำคัญมากขนาดไหน ผมบอกได้เลยครับว่าแทบจะเป็นทุกสิ่งสามารถส่งเสริมศักยภาพในการทำงาน หรือสามารถลดทอนประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างร้ายกาจครับ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ออฟฟิศในฝันของคนทำงานคือ Office Google หรือ Facebook สองออฟฟิศนี้จัดได้ว่าสวยงาม และช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานได้มากครับ จริง ๆ แล้วมีหลากหลายปัจจัยมากที่ส่งผลต่อการทำงาน แต่วันนี้ผมขออนุญาตยกมาคุยกันแค่ 5 ปัจจัยก่อนดีกว่านะครับ มาดู 5 ปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานกันเลยดีว่าครับ

1. ความสว่าง

หากพูดถึงระดับความสว่างในที่ทำงาน หลาย ๆ คนอาจจะมีคำถามขึ้นมาว่า จริงเหรอ ผมบอกได้เลยครับว่า จริงที่สุดแน่นอนครับ แบบแรกที่ผมจะพูดถึงคือไฟแบบ Daylight เป็นไฟสีขาว ๆ สว่างสบายตา สามารถสร้างสมาธิ และกระตุ้นให้การทำงานลื่นไหล ไฟอีกแบบที่น่าสนใจมากคือแสงแบบ INDIRECT LIGHTING หรือที่เรียกว่าไฟหลืบหรือไฟซ่อน เป็นแสงสว่างที่ไม่ได้ออกมาจากแหล่งกำเนิดแสงโดยตรง ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ได้นานโดยไม่แสบตาหรือปวดกระบอกตามากครับ แสงอีกแบบที่เราจะต้องพูดถึงคือแสงแบบ Warm White และ Cool White แสงแบบนี้จะสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น และให้ความหรูหรากับบรรยากาศของห้องได้ดีครับ จึงสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องไม่ค่อยง่วง มีสมาธิ และมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจน แต่ที่สำคัญที่สุดคือระดับความสว่าง ควรอยู่ที่ 400-600 ลักซ์นะครับ หากเรามองแสงที่สว่างมากเกินไปเป็นเวลานาน ก็จะเคืองตา แสบตา น้ำตาไหล หรือถ้าทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ เราก็จะปวดกระบอกตาได้ใช่ไหมครับ แต่ถ้าแสงน้อยไป ก็จะต้องเพ่งสายตามากกว่าปกติ ทำให้สายตาอ่อนล้าได้ง่ายครับ จากข้อมูลข้างต้น ผมขอสรุปว่าแสงธรรมชาติหรือแสงอาทิตย์ดีที่สุดครับ แต่หากว่าแสงสว่างในออฟฟิศมีความสว่างไม่พอ ผมแนะนำว่าให้หาโคมไฟมาช่วยความสว่าง เพื่อช่วยถนอมสายตาของเราในระยะยาวครับ

2. กลิ่น

ใครคิดว่าไม่สำคัญ กลิ่นหอมสามารถช่วยปรับอารมณ์ด้านลบ เช่น ฉุนเฉียว รำคาญ เครียด เบื่อ โกรธ เหงา ได้นะครับ โดยกลิ่นหอมช่วยกระตุ้นให้เราเกิดความรู้สึกในแง่บวกได้มากขึ้น เช่น ความสุข ความรู้สึกผ่อนคลาย ความรื่นเริง ความสงบ และที่สำคัญคือกลิ่นหอมสามารถกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มความรู้สึกด้านบวก ดังนั้น เรามาดูกันดีกว่า ว่ากลิ่นอะไรช่วยเรื่องใดได้บ้าง กลิ่นกุหลาบ ช่วยให้ผ่อนคลาย มีสมาธิ และช่วยเรื่องความทรงจำ กลิ่นส้ม ช่วยให้รู้สึกสดชื่น ลดความเครียด กลิ่นมะนาว ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ลดความตึงเครียด และช่วยให้สดชื่น กลิ่นเปปเปอร์มินต์ และกลิ่นของเมนทอลสามารถช่วยให้เราหายใจได้โล่งขึ้นครับ กลิ่นหอมเย็น ๆ ช่วยให้เกิดความสดชื่น และกระตุ้นการทำงานของสมอง กลิ่นยูคาลิปตัส เป็นกลิ่นหอมที่ให้ความรู้สึกสดชื่น สามารถช่วยให้อารมณ์ที่พลุ่งพล่านค่อย ๆ สงบลง ทำให้จิตใจมีความสุขสงบ ในน้ำมันยูคาลิปตัสมีสารที่ออกฤทธิ์ในการลดความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี สามารถช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหนื่อยล้า รู้สึกระปรี้กระเปร่า กลิ่นวานิลลา ทำให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย เมื่อได้กลิ่น สมองจะปลอดโปร่งโล่งสบายครับ และยังสารมารถช่วยเรื่องระบบการย่อย กลิ่นลาเวนเดอร์ สามารถช่วยให้ผ่อนคลายได้ดี ลดความตึงเครียดของสมอง เพราะมีสารลินาลูล (linalool) ที่อยู่ในน้ำมันลาเวนเดอร์ ซึ่งมีฤทธิ์ลดความวิตกกังวลได้ครับ ตัวเลือกที่ดีสำหรับการกระจายกลิ่นเหล่านี้คือการใช้ “ก้านไม้หอมปรับอากาศ” ครับ ใครเคยเห็นบ้างครับ ไม้แท่ง ๆ ที่เสียบไว้ในขวดน้ำมันหอมระเหย ที่เราจะสามารถพบได้ตามสปาหรือโรงแรม หรือจะใช้เครื่องพ่นอโรมาก็สะดวกดีครับ

3. อุณหภูมิ

สิ่งนี้คือทุกออฟฟิศต้องเป็นนะครับ เรื่องแอร์หนาวไป แอร์ร้อนไป ปรับไม่ได้ เพราะระบบตั้งมาให้เป็นแบบนี้ ไม่เช่นนั้นอาจมีผลเสียกับระบบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในสำนักงานได้ หนาวจนจะแข็งตายอยู่แล้ว ต้องหาเสื้อกันหนาวมาใส่เพื่อให้รอดตายในที่ทำงาน ผมเคยเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตนั้นครับ จนกระทั่งได้กลับมา Work from Home ก็สามารถปรับลดหรือเพิ่มอุณหภูมิของห้องได้ตามใจครับ จริง ๆ แล้ว อุณหภูมิมีผลต่อความสามารถในการคิดคำนวณหรือคิดวิเคราะห์ จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Cornell University ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า อุญหภูมิที่เหมาะสำหรับการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส เพราะทำให้อัตราความเร็วในการพิมพ์เป็น 100% และมีอัตราการพิมพ์ผิดอยู่ที่ 10% ครับ ดังนั้นเราได้ข้อสรุปว่าอุณหภูมิที่เหมาะกับการทำงานคือ 25 องศาเซลเซียสครับ

4. เสียง

โดยปกติแล้ว เสียงเวลาเราคุยกันแบบปกติจะมีความดังประมาณ 60 เดซิเบล จัดว่าอยู่ในระดับปกติ ไม่เป็นอันตราย คราวนี้เราจะมาดูระดับเสียงที่อาจเป็นอันตรายกันบ้างครับ คือ เสียงที่มีระดับความดังประมาณ 85 เดซิเบลขึ้นไป ซึ่งโดยมากแล้วจะเป็นเสียงของเครื่องจักร เช่น เสียงการจราจรบนท้องถนน เสียงสว่านไฟฟ้า เสียงเครื่องเจียรต่าง ๆ เครื่องขุดถนน เครื่องตัดหญ้า เครื่องจักรที่กำลังทำงาน หากได้ยินความดังระดับนี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ อาจมีจะผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยจะทำให้เราเกิดความรู้สึกรำคาญ หงุดหงิด อารมณ์เสีย รู้สึกไม่สบายใจ ว้าวุ่นใจ กระวนกระวาย ก่อให้เกิดความเครียดทางประสาท ขาดสมาธิจดจ่อกับงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ  เป็นผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และหากเสียงดังแบบนี้เกิดในช่วงเวลากลางคืน ก็จะไปรบกวนการนอนหลับและคุณภาพการนอนของเราได้ครับ ถ้าเราได้ยินเสียงดังระดับนี้นาน ๆ ติดต่อกันจะส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง และอาจก่อให้เกิดอาการป่วยทางกายได้ เช่น โรคกระเพาะอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคเครียดเรื้อรัง และยิ่งไปกว่านั้น หากเราได้ยินเสียงที่มีความดังในระดับ 120 เดซิเบลขึ้นไป อย่างเสียงไซเรนของรถพยาบาล เสียงเครื่องบินกำลังขึ้น ไม่ว่าจะได้ยินต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือดังขึ้นมาแบบเฉียบพลัน ก็มีสิทธิ์ที่จะสามารถเป็นอันตรายต่อการได้ยินของเราได้ อาจทำให้เราสูญเสียการได้ยินชั่วคราว หรือว่าร้ายแรงกว่านั้นก็สูญเสียการได้ยินถาวรได้ครับ อ้อ ผมจะเตือนไว้หน่อยนะครับ การฟังเพลงโดยใส่หูฟังแล้วเปิดเพลงดัง ๆ เพื่อความสะใจก็ทำให้เสี่ยงที่จะหูตึงก่อนวัยอันควรได้ละครับ

5. ผู้คน

สุดยอดของตัวแปรที่พบในที่ทำงานเลยครับ เป็นปัจจัยที่สำคัญมากจริง ๆ สามารถสร้างผลทางบวกให้กับบรรยากาศการทำงานอย่างมาก หรือสามารถสร้างความตึงเครียดได้อย่างสุดขั้วเช่นกัน ผมอยากให้เราใช้จิตวิทยาเชิงบวกในการทำงานร่วมกันครับ เรียนรู้ที่จะรับฟังกันและกัน จะสามารถทำให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน ลดการเกิดความเข้าใจผิดได้ อีกอย่างที่สำคัญมาก ๆ คือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา สิ่งนี้สามารถทำให้บรรยากาศการทำงานนั้นเปลี่ยนไปได้อย่างมาก กลายเป็นบรรยากาศเชิงบวกที่ทุกคนสามารถทำงานของตนเองได้อย่างสบายใจครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ 5 ปัจจัยรอบตัวที่คุณควรให้ความสำคัญ ลองทำในสิ่งที่เราพอทำได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะสามารถช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถผ่อนคลายได้ในเวลาที่ต้องการ และเป็นเพื่อนร่วมงานที่น่ารักของทุกคนครับ ทุกอย่างสามารถเป็นจริงได้ หากเริ่มต้นทำที่ตัวเราก่อนครับผม

References:

https://ltnlighting.com/แสงกับการทำงาน-แสงแบบไห/
https://homeguru.homepro.co.th/not-enough-light-in-the-office/
https://www.thansettakij.com/lifestyle/396507
https://web.facebook.com/futuretrends.th/posts/845049439194836/
https://idofragrance.com/สาระน่ารู้/กลิ่นหอมแบบไหนที่สร้างความผ่อนคลายในวันทำงาน/
https://www.doctor.or.th/article/detail/1948
https://voicetv.co.th/read/TqHYQrBSl
https://today.line.me/th/v2/article/VmyRzl
https://www.istrong.co/single-post/5-pillars-ofhappiness-in-positive-psychology